วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สรุปบทที่4

                                                                
                                                                 บทที่4
                                      ภาพรวมของการจัดการ:การจัดการฐานข้อมูล  
                                     ( Managerial Overview database Management )  
        กรณีศึกษาจริง
               Sears, MCI และ First American: คลังข้อมูลกับสารสนเทศภายนอก
    สำหรับคลังข้อมูลของหลายๆ บริษัทแล้วยากที่จะกล่าวกับผู้ใช้ว่าอะไรที่อยู่ภายในขอบเขตของเขา เช่น รายการเปลี่ยนแปลงภายใน (Internal Transactions) ประวัติการขาย (Sale Histories) หรือระเบียนลูกค้า (Customer Records) จำนวนมหาศาล ผู้จัดการหลายๆบริษัทกล่าวว่าบริษัทของเขาเชื่อมั่นอย่างมากในสารสนเทศภายนอก เช่น ประชากรศาสตร์ (Demographics) และการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจ (Economic Forecasts)
Steve Beitler ผู้ช่วยผู้ตรวจการของ Sear, Roebuck & Company ในเมือง Hoffman Estates รัฐ Illinois ตอบคำถามเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลการเงินของตลาดการค้าปลีกจากแหล่งภายนอก ว่า ข้อมูลภายนอกเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา
Beitler กล่าวว่าระดับเฉลี่ยของรายได้และการบริโภคของประชากรสามารถนำมาใช้เพื่อพิจารณาเลือกสถานที่ตั้งร้านใหม่ ขณะที่ข้อมูลการตลาดทำให้บริษัทสามารถวัดผลการดำเนินงานเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจและคู่แข่งได้ MCI Communication Corporation ใช้รายชื่อของลูกค้าจากบริษัทเครื่องบินและหุ้นส่วนทางธุรกิจอื่นๆเพื่อตั้งเป้ารณรงค์ด้านการตลาดกับผู้บริโภคในเรื่องพฤติกรรมการซื้อหรือความสนใจ ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้มากถึง 30% ซึ่งมากกว่าการทำตลาดทางโทรศัพท์ (Telemarketing) หรือไปรษณีย์โดยตรง (Direct Mail)
    “ เราต้องการข้อมูลเป็นอย่างมาก” Dave Johnson ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาระบบของหน่วยโทรศัพท์การตลาดของ MCI ใน Denver กล่าว โดยนำรายชื่อจากภายนอกมาผ่านกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าชื่อลูกค้า ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์นั้นถูกต้อง
     นักวิเคราะห์การตลาดตรวจสอบรายชื่อภายนอก เพื่อให้แน่ใจว่ายังเป็นปัจจุบันและเป็นสารสนเทศที่ MCI ต้องการ รวมทั้งชื่อลูกค้ารายใหม่ด้วย เราจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ข้อมูลและเราต้องแน่ใจว่าได้ของดีคุ้มกับเงินที่จ่ายไป” Johnson กล่าว
    ผู้จัดการคลังสินค้าอื่นๆ เห็นด้วยว่าข้อมูลภายนอกเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้ในด้านการขายและการตลาด แต่เขากล่าวว่าสารสนเทศภายนอกไม่ได้มาด้วยราคาถูกๆ และต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้เข้ากันได้ (Compatibility) กับข้อมูลภายใน
    ต้นทุนของข้อมูลภายนอกค่อนข้างสูง เช่น หน่วยบริการสารสนเทศสุขภาพของ National Data Corporation ใน Phoenix คิดค่าใช้จ่ายกว่าล้านเหรียญสหรัฐสำหรับข้อมูลเภสัชกรรมที่ได้เก็บรวบรวมและขายให้กับหน่วยงานธุรกิจ
    Mary Ann Beach รองประธานอาวุโสฝ่ายจัดการสารสนเทศการตลาด ของ First American Corporation ใน Nashville กล่าวว่า รายการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดข้อมูลมากมาย สารสนเทศลูกค้าของที่จัดเก็บมีทั้งภายในและภายนอกจำนวนเท่าๆกัน แต่ข้อมูลภายนอก เป็นความลับวิธีการที่ทำเงินให้เราในการรณรงค์ทางด้านการตลาด
แนวคิดเกี่ยวกับฐานข้อมูล
1.             ฐานข้อมูลเป็นการจัดเก็บข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันมาจัดเก็บในที่เดียวกัน ซึ่งแต่เดิมถูกจัดเก็บอยู่ในแต่ละแฟ้มข้อมูลเป็นระบบแฟ้มข้อมูล ฐานข้อมูลมีความจำเป็นในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบแฟ้มข้อมูล ได้แก่ ความซ้ำซ้อนของข้อมูล ความขัดแย้งของข้อมูลความยากในการแก้ไขและบำรุงรักษา การผูกติดกับข้อมูล การกระจายของข้อมูล และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลลดลง
2.             ในงานฐานข้อมูลจำเป็นต้องเข้าใจหลักการฐานข้อมูลให้ถูกต้อง ตรรกะ คือ สิ่งที่โปรแกรมหรือผู้ใช้เห็น กายภาพเป็นสิ่งที่ระบบปฏิบัติการเห็น ฐานข้อมูล คือ ที่เก็บรวบรวมข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล สคีมา คือ โครงสร้างฐานข้อมูล อินสแตนซ์ คือ เนื้อข้อมูล แบบจำลองข้อมูล คือ โครงสร้างข้อมูลระดับตรรกะที่นำเสนอข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลให้ผู้ใช้เห็น เอนทิตี คือ สิ่งที่เราสนใจเก็บข้อมูลเกี่ยวข้องด้วยแอตทริบิวต์ คือ คุณลักษณะของเอนทิตี
3.              ระบบฐานข้อมูลมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ ฐานข้อมูล ระบบจัดการฐานข้อมูล และ บุคลากร โดยบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการการบริหารฐานข้อมูล  คือ ผู้บริหารฐานข้อมูล
4.             คุณลักษณะของระบบฐานข้อมูล คือ มีความซ้ำซ้อนของข้อมูลน้อยสุด มีความถูกต้องของข้อมูลสูงสุด มีความปลอดภัยของข้อมูลสูงสุด มีความเป็นอิสระของข้อมูล และมีการควบคุมจากศูนย์กลาง

แนวคิดเกี่ยวกับระบบจัดการฐานข้อมูล

1.             ระบบจัดการฐานข้อมูลหรือดีบีเอ็มเอส คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการฐานข้อมูล ทำหน้าที่เกี่ยวกับการนิยามข้อมูล การจัดการข้อมูล การดูแลความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูล การฟื้นสภาพข้อมูลและควบคุมภาวะพร้อมกัน การจัดทำพจนานุกรมข้อมูล
2.             ระบบจัดการฐานข้อมูลมีประโยชน์ต่อฐานข้อมูลดังนี้ คือ ความเป็นอิสระของข้อมูล ความปลอดภัยของข้อมูล การกำหนดสิทธิในการใช้ข้อมูล การฟื้นสภาพข้อมูลอัตโนมัติเมื่อระบบเกิดความเสียหาย การดูแลผู้ใช้หลายคนให้สามารถทำงานพร้อมกัน การใช้ข้อมูลร่วมกัน และการควบคุมความถูกต้องของข้อมูล
3.             ระบบจัดการฐานข้อมูลมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ ส่วนการจัดการฐานข้อมูล ส่วนประมวลผลสอบถาม ส่วนแปลภาษานิยามข้อมูล และส่วนรหัสออบเจกต์ของโปรแกรมประยุกต์
4.             ภาษาหลักที่ใช้ในระบบจัดการฐานข้อมูล คือ ภาษานิยามข้อมูลและภาษาจัดการข้อมูล ภาษานิยามข้อมูลใช้สำหรับกำหนดโครงสร้างฐานข้อมูล ภาษาจัดการข้อมูลใช้สำหรับสอบถามข้อมูลเพิ่มข้อมูล ลบข้อมูล เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูล เกณฑ์หลักที่ใช้ในการจำแนกประเภทของระบบจัดการฐานข้อมูล คือ แบบจำลองข้อมูล
5.             สถาปัตยกรรมไคลเอ็นต์เซอร์ฟเวอร์มี 2 ส่วนที่สำคัญ คือ เซอร์ฟเวอร์หรือแบ็กเอนด์หรือเครื่องให้บริการ และไคลเอ็นต์หรือฟรอนเอนด์หรือเครื่องใช้บริการ โดยเครื่องให้บริการฐานข้อมูลจะต้องมีระบบจัดการฐานข้อมูลอยู่ที่เครื่องเซอร์ฟเวอร์ การใช้งานฐานข้อมูลแบบไคลเอ็นต์เซอร์ฟเวอร์มี 3 ลักษณะ คือ ไคล์เอ็นต์เซอร์ฟเวอร์แบบเอสคิวแอล ไคลเอ็นต์เซอร์ฟเวอร์แบบเมสเซส และไคลเอ็นต์เซอร์ฟเวอร์แบบ 3 ระดับชั้น

แนวคิดเกี่ยวกับโครงสร้างฐานข้อมูล

1.             โครงสร้างฐานข้อมูลหรือสถาปัตยกรรมฐานข้อมูลแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับภายนอก ระดับแนวคิด และระดับภายใน การแบ่งโครงสร้างฐานข้อมูลออกเป็น 3 ระดับนี้ ทำให้เกิดความเป็นอิสระของข้อมูล
2.             โครงสร้างฐานข้อมูลระดับภายนอกเป็นระดับการมองข้อมูลภายในฐานข้อมูลสำหรับผู้ใช้แต่ละคน โครงสร้างฐานข้อมูลระดับแนวคิดเป็นระดับของการออกแบบฐานข้อมูล โครงสร้างฐานข้อมูลระดับภายในเป็นระดับของการจัดเก็บข้อมูลในหน่วยเก็บข้อมูลจริงๆ
3.              ความเป็นอิสระของข้อมูล หมายถึง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงสร้างข้อมูลในระดับภายในหรือระดับแนวคิดจะไม่มีผลกระทบต่อโปรแกรมที่ผู้ใช้ใช้งานอยู่ในระดับภายนอก
4.              การแปลงรูปเป็นการเชื่อมมุมมองจากสถาปัตยกรรมในระดับที่สูงกว่าไปยังระดับที่ต่ำกว่า การเชื่อมมุมมองระหว่างระดับภายนอกกับระดับแนวคิดเพื่อให้ผู้ใช้ฐานข้อมูลมีมุมมองข้อมูลที่แตกต่างกันได้ การเชื่อมมุมมองระหว่างระดับแนวคิดกับระดับภายในเพื่อนำโครงสร้างของข้อมูลที่กำหนดในระดับแนวคิดมากำหนดโครงสร้างของเรคอร์ดและฟิลด์ที่จะนำไปจัดเก็บการแปลงรูปทำโดยระบบจัดการฐานข้อมูลหรือดีบีเอ็มเอส
แบบจำลองข้อมูล
    1.  แบบจำลองข้อมูล คือ โครงสร้างข้อมูลระดับตรรกะที่นำเสนอข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลให้ผู้ใช้เห็นและเข้าใจได้
    2.      แบบจำลองข้อมูลแบบสัมพันธ์นำเสนอในรูปตาราง มีการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันโดยใช้ค่าของคีย์ มีภาษที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นแบบจำลองที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน
    3.       แบบจำลองข้อมูลแบบไฮราคีนำเสนอในรูปของโครงสร้างต้นไม้ มีความสัมพันธ์ของเรคอร์ดในฐานข้อมูลแบบพาเรนต์-ไชลด์เป็นแบบหนึ่งต่อหลาย สร้างความสัมพันธ์ด้วยการใช้ตัวชี้
    4. แบบจำลองข้อมูลแบบเครือข่ายนำเสนอในรูปมัลติลิสต์ มีความสัมพันธ์ของเรคอร์ดในฐานข้อมูลแบบพาเรนต์-ไชลด์เป็นแบบหนึ่งต่อหลายแบบจำกัด มีการเชื่อมโยงเซตของเรคอร์ดด้วยตัวชี้สามารถแก้ปัญหาความสัมพันธ์แบบหลายต่อหลายได้
    5. แบบจำลองข้อมูลแบบออบเจกต์นำเสนอในรูปออบเจกต์ เป็นแบบจำลองที่เหมาะกับงานออกแบบทางวิศวกรรมและการเก็บข้อมูลรายละเอียดที่เป็นวัตถุเชิงซ้อน มีการอ้างถึงออบเจกต์อื่นโดยระบุออบเจกต์เชิงตรรกะ

           http://elearning.northcm.ac.th/it/lesson7-1.asp
           
           ส่งโดย น.ส.  นวลลักษณ์  ศรียาชีพ  บ.กจ. 3/1

คำถามกรณีศึกษาบทที่4

      คำถามกรณีศึกษาบทที่ 4-1
    1.Searใช้ข้อมูลภายนอกในคลังข้อมูลเพื่อปรับปรุงธุรกิจได้อย่างไร
       ตอบ     เพื่อพิจารณาตัดสินใจเรื่องสถานที่ตั้งร้านใหม่ ข้อมูลเปรียบเทียบด้านการตลาดได้ช่วยในเรื่องการเปรียบเทียบผลการดำเนินธุรกิจของร้านกับคู่แข่งขัน
    2. มูลค่าทางธุรกิจ (Business  Value) อะไรที่  MCI  ได้รับจากคลังข้อมูล
       ตอบ     เรื่องพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าของตนและลูกค้าของธุรกิจอื่น เพื่อปรับปรุงการโฆษณาการการตลาดให้ประสบความสำเร็จ  ทำให้บริษีทสามารถวิเคราะห์ผลการดำเนินกิจการและกำหนดยุทธศาสตร์การตลาดได้ดีขึ้น
    3. ท่านคิดอย่างไรที่ Mary Ann Beach หมายถึงเมื่อเธอกล่าวถึงข้อมูลภายนอกว่าเป็น ความลับวิธีการที่ทำเงินให้เรา ในการรณรงค์ทางด้านการตลาด
          ตอบ   เห็นด้วย เพราะข้อมูลภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดข้อมูลใหม่ๆเกิดขึ้น
     กรณีศึกษาบทที่4-2
    1.ผลประโยชน์ทางธุรกิจอะไรที่บริษัทคาดหวังจากการเปลี่ยนคลังข้อมูลและระบบธุรกิจปัจจุนับเป็นโปรแกรมประยุกต์ Oracle Suite
        ตอบ     ช่วยให้เราเข้าใจธุรกิจ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจได้
    2.บทเรียนทางธุกิจอะไรที่ บริษัทเรียนรู้จากการใช้คลังข้อมูลปัจจุบัน
       ตอบ      บทเรียนที่สำคัญคือ มูลค่าของคลังข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ของธุรกิจ
    3.ข้อได้เปรียบและเสียเปรียบที่มีต่อผู้ใช้ของธุรกิจในการย้ายไปใช้โปรแกรมประยุกต์ Oracle Suite
      ตอบ    ผู้ใช้พอใจเครื่องมือใหม่มากกว่าเครื่องมือเดิมเนื่องจากให้ข้อมูลที่ดีกว่า

              ส่งโดย น.ส.  นวลลักษณ์  ศรียาชีพ  บ.กจ.  3/1

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

         กรณีศึกษา ยาสีฟันเดนทิสเต้กับความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม
                     
                 ยาสีฟันเดนทิสเต้ เป็นยาสีฟันยี่ห้อแรกที่ได้เข้ามาเซกเมนต์ Night Time หรือการใช้ยาสีฟันในช่วงเวลาก่อนนอน โดยมีจุดมุ่งขายในเรื่องการลดแบคทีเรียในช่องปากระหว่างการนอนหลับ
                   หากว่ากันแล้ว เดนทิสเต้ได้พยายามผลักตัวเองเพื่อหลีกหนีสมรภูมิการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดยาสีฟันระดับกลุ่มใหญ่ ที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่ราย ที่ได้ใช้งบทางการตลาด ในการประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์อย่างไม่อั้นด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล
                     ปกติแล้วการทำตลาดยาสีฟัน ต่างก็มีจุดขายเดิมๆที่เหมือนกัน และมักตอบโจทย์ในเรื่องของสุขภาพในช่องปากเป็นหลัก รวมถึงการระงับกลิ่นปาก แต่สิ่งที่เดนทิสเต้นำมาสร้างเป็นจุดขายถือว่าเป็นเรื่องใหม่เพราะที่ผ่านมาไม่มีแบรนด์ใด ที่ใช้จุดขายในเรื่องการระงับกลิ่นปากจากการช่วยลดแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานอนหลับ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า เดนทิสเต้ได้หยิบเอากลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มด้วยการ สร้างตลาดเฉพาะกลุ่ม(Niche)ขึ้นมาซ้อนอยู่ในตลาดกลุ่มใหญ่(Mass) พร้อมกับมุ่งเป้าหมายไปยังคู่รักที่เพิ่งแต่งงานกัน ที่มองถึงปัญหากลิ่นปากจากแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาตื่นนอนตอนเช้าซึ่งจัดเป็นปัญหาที่ยังไม่มีใครเข้ามาตอบสนองความต้องการในเรื่องดังกล่าวได้
                      สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังจากยาสีฟันเดนทิสเต้ได้เข้ามาทำตลาดก็คือ ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ยาสีฟันของคนไทย ที่เปลี่ยนจากการใช้ยาสีฟันหลอดเดียวที่ใช้กันทั้งครอบครัว มาสู่การใช้ยาสีฟันหลอดที่ 2 ที่คนในครอบครัวได้แยกออกมาใช้ต่างหากจากหลอดเดิม จึงทำให้เดนทิสเต้ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นยาสีฟันที่ได้รับความสำเร็จอย่างรวดเร็วเกินคาด โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เดนทิสเต้ได้รัยการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งก็มาจาก การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning)ที่ตรงจุด ด้วยการนำปัญหาที่ผู้บริโภคมีความกังวลมากที่สุดมาเป็นจุดขาย (กลิ่นปากที่เกิดขึ้นในช่วงตื่นนอนตอนเช้า)
                    ผลจากการสร้างจุดขายที่มีลักษณะเด่นและแตกต่างนี้เอง ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความต้องการของผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญ จึงทำให้เดนทิสเต้สามารถนำพาแบรนด์ตัวเอง ด้วยการหลีกเลี่ยงเผชิญหน้าในสมรภูมิการแข่งขันจากเจ้าตลาดที่ได้ทุ่มเทงบโฆษณาอย่างมหาศาล และเก็บเกี่ยวยอดขายเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับแบรนด์ของตน เพื่อพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นต่อไปในอนาคต
                       คำถามจากกรณีศึกษา
1. ทำไมยาสีฟันเดนทิสเต้ จึงหนีการเผชิญหน้าเพื่อแข่งขันโดยตรงกับยาสีฟันยักษ์ใหญ่
     - เพราะว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ มีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ทีมีงบไม่อั้น จึงทำให้เดนทิสเต้ไม่อยากที่จะแข่งขันด้วย
2. เดนทิสเต้ได้นำกลยุทธ์อะไรเป็นตับขับเคลื่อน และทำไมจึงใช้กลยุทธ์ดังกล่าว
     - กลยุทธ์ที่ใช้ คือ กลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม พร้อมมุ่งเป้าไปที่คู่เพิ่งแต่งงานกัน เหตุที่ใช้เพราะว่า เดนทิสเต้ต้องการสร้างความแตกต่างจากยาสีฟันยี่ห้ออื่น รวมทั้งใช้เป็นจุดขายของเดนทิสเต้อีกด้วย
3. ปัจจัยสำคัญอะไร ที่ยาสีฟันเดนทิสเต้ สามารถเข้ามามีส่วนแบ่งตลาดได้ในระยะเวลาอันสั้น
     - มีการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน เพราะโดยส่วนใหญ่ยาสีฟันทั่วไป จะดูแลสุขภาพในช่องปากเป็นหลัก และช่วยระงับกลิ่นปาก แต่เดนทิสเต้ มีจุดขายในเรื่องการระงับกลิ่นปากจากการช่วลลดแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลับนอน อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์ที่ผู้บริโภคต้องการได้ คือ การมีลักษณะเด่นและความแตกต่าง
4. สมมติว่าท่านได้รับภาระหน้าที่ในการเจาะตลาดยาสีฟันยี่ห้อหนึ่ง ท่านจะใช้กลยุทธ์ใด และจะกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ด้วยการใช้ลักษณะเด่นอะไรที่คิดว่ายังพอมีศักยภาพในการทำกำไร รวมทั้งสร้างความพึงพอใจกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
     - กลยุทธ์การให้ข่าวสาร( Public Relation Strategy) เช่น การร่วมมือกับสื่อบางสื่อ เพื่อจัดเทศกาลในโอกาสพิเศษ
      - กลยุทธ์ การใช้พนักงานขาย (Personal  Strategy) เช่น คิดค้นโปรแกรมการให้ผลตอบแทนการขาย ( Incentive Program ) ใหม่ๆ เพื่อเป็นรางวัลแก่พนักงานขายที่ทำยอดขายตามเป้า
     - มีการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ โดยใช้เกณฑ์คุณภาพสูง ราคาสูง เพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่า ยี่ห้อยาสีฟันชนิดนี้มีคุณประโยชน์และคุณค่าในสายตาผู้บริโภค
ที่มา : http://www.iimc.co.th/knowledge/8p.html
 ส่งโดย น.ส.  นวลลักษณ์  ศรียาชีพ  บ.กจ. 3/1

Nokia connecting people

Nokia  connecting  people 
กรณีศึกษา : บริษัท Nokia ขยายตลาดด้วยการทำคอมพิวเตอร์แล็ปทอป                บริษัท Nokia ถือเป็นเจ้าตลาดโทรศัพท์มือถือ (Moble Phone) มายาวนา และล่าสุดข่าวลือของโนเกียที่สะพัดออกมาก็คือ การเข้าสู่ธุรกิจเครื่องคอมพิวเตอร์แบบแล็ปทอปหรือโน้ตบุ๊คโดย Kallasvuo ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของโนเกียได้มองว่า โทรศัพท์มือถือได้เปิดโอกาสให้ผู้คนเริ่มเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและนี่จึงเป็นโอกาสที่ดีในการต่อยอดไปยังธุรกิจคอมพิวเตอร์ ภายใต้แบรนด์ของตนเอง
                ข่าวดังกล่าว ได้เผยแพร่ออกมาภายหลังจากบริษัท  Acer  ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อันดับ 3 ได้มีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถือเป็นการก้าวข้ามมาในอุตสาหกรรมที่โนเกียเป็นเจ้าตลาดอยู่นั่นเอง ดังนั้นการที่โนเกียจะขยายตลาดด้วยการกระโดดจากธุรกิจหนึ่งไปสู่อีกธุรกิจหนึ่งนั้น  จึงมิใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายกิจการในยามที่ธุรกิจดั้งเดิมของตนเริ่มอิ่มตัว  ในเมื่อขยายไม่ออก ก็จำเป้นต้องกระโจนเข้าสู่ธุรกิจใหม่  ที่มีช่องว่างเพียงพอต่อการทำตลาดได้ ทำนองเดียวกันกับบริษัท Apple ที่กระโดดจากธุรกิจคอมพิวเตอร์เข้าสู่ธุรกิจเครื่องเล่น  MP3 และก้าวเข้าสู่โทรศัพท์  iPhone ที่โด่งดังไปทั่วโลก และต่อไปนี้เป็นบริษัทชั้นนำที่อยู่ในตลาด วึ่งเป็นผู้ผลิตทั้งคอมพิวเตอร์รวมถึงโทรศัพท์มือถือ
·         Apple ที่ทำตลาดคอมพิวเตอร์ในนามของ Macintosh รวมถึงโทรศัพท์มือถืออย่าง iPhone
ซึ่งสินค้าของ Apple มีความโดดเด่นในเรื่องนวัตกรรมและการออกแบบสวยงามเหนือชั้นกว่าคู่แข่งขัน  อีกทั้งยังไปที่ชื่นชอบของลูกค้าเป็นอยากมาก
·         HP เจ้าตลาดอันดับ 1 ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งแบพีซีและโน้ตบุ๊ค
·         DEll เจ้าตลาดอันดับ 2 ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งแบบพีซีและโน้ตบุ๊ค รวมถึงการับประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ตามสเปกที่ลูกค้าต้องการ และกำลังคิดจะรุกเข้าตลาดโทรศัพท์มือถืออยู่เช่นกัน
·         Acer เป็นเจ้าตลาดอันดับ 3 ของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์กำลังกระโดดข้ามมาทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ
·         Sony ผู้ผลิตโน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ในชื่อ Vaio รวมถึงโทรศัพท์ในชื่อของ Sony Ericsson        
ความสำคัญอยู่ที่หาก Nokia ตัดสินใจขยายไปสู่ธุรกิจที่เต็มไปด้วยสมรภูมิการแข่งขัน จากผู้ค้ารายเดิมที่มีความแข็งแกร่งตามรายะเอียดข่างต้น ดังนั้น  Nokia จะสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่  จนสามารถมีที่ยืนอย่าง Phone ของบริษัท Apple ที่เดิมทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และกระโดดข้ามเข้ามาทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือจนสำเร็จ

คำถามจากกรณีศึกษา
1. ท่านคิดว่า บริษัท Nokia ตัดสินใจกระโดดข้ามมาทำธุรกิจคอมพิวเตอร์แล็ปทอป เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร จงให้เหตุผลประกอบ
·         จาก ความเห็นส่วนตัวคิดว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจาก ความน่าเชื่อถือของโนเกียในด้านของแล็ปทอปยังมีน้อยในด้านนี้ อีกทั้งบริษัทคู่แข่งขันนั้นมีความเชี่ยวชาญมากกว่าในสายตาของผู้บริโภค เป็นผลให้การทำการตลาดเพื่อแบ่งส่วนตลาดเป็นไปได้ยาก
2. "โนเกียควรปกป้องตลาดมือถือของตนเองต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องลงมาทำตลาดคอมพิวเตอร์ให้เสียเวลา ซึ่งยังมีช่องว่างอยู่มากมายอย่างตลาดของ Smart-Phone ที่โนเกียสามารถรุกเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง" อยากทราบว่า Smart-Phone คืออะไร และท่านเห็นดัวยกับกลยุทธ์ตามดังกล่าวข้างต้นหรือไม่ อย่างไร
·         Smart Phone หมายถึงโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมของ PDA เข้าไป ทำให้สามารถมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รับส่งอีเมล์ มีปฏิทิน จัดทำตารางนัดหมาย และ contact เป็นต้น เรียกได้ว่า Smart Phone เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมเลยทีเดียว 
·         จากข้อความผมเห็นดัวย เนื่องจากถ้าพิจารณาจากตลาดมือถือยังถือว่ากว้างมาก นอกจากนั้นโนเกียยังเป็นยี่ห้อมือถือที่ลกค้าให้ความเชื่อมั้น ควรตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากจะเป็นการดีที่สุด
3. บริษัท Apple ซึ่งเดิมเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ในนามของ Macintosh ที่ได้ขยายธุรกิจข้ามมายังอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือในนามของ iPhone และยังสามารถยืนหหยัดทำสำเร็จจนเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ท่านคิดว่าบริษัท Apple ได้ชูกลยุทธ์ใดในการเข้าถึงกลุมลูกค้า
·         Apple ได้ชูกลยุทธ์ด้านการออกแบบสินค้า โดยออกแบบให้เป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่ที่ชอบเทคโนโลยี ทั้งนี้ตลาดส่วนใหญ่เป็นตลาดระดับบนที่มีรายได้สูงบริษัท Nokia ตัดสินใจกระโดดข้ามมาทำธุรกิจคอมพิวเตอร์แล็ปทอป เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร จงให้เหตุผลประกอบ
 ส่งโดย น.ส.  นวลลักษณ์  ศรียาชีพ  บ.กจ.3/1

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประวัตฺวอลมาร์ท

                                                       วอล-มาร์ท
วอล-มาร์ท (Wal-Mart Stores, Inc.) (NYSE: WMT) บริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศทั่วโลก ก่อตั้งในรัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา โดย นายแซม วอลตัน ในปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) ปัจจุบันเป็นบริษัทขายปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก และบริษัทที่ใหญ่อันดับสองของโลกเทียบตามยอดขาย
วอลมาร์ท เป็นชื่อของร้านค้าแนวดิสเคาน์สโตร์สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งสาขาแรก
ที่มลรัฐอาคันซอ (Arkansas) ในปี พ.ศ. 2505 โดย แซม วอลตัน (Sam
Walton) เพื่อเป็นร้านขายของราคาถูก ปัจจุบันใช้สโลแกนว่า "Save Money
Live Better" แทนสโลแกนเดิม คือ "Always Low Prices, Always"
ซึ่งใช้มาก่อนหน้านี้ 19 ปี
      วอลมาร์ทยังเป็น "ต้นแบบ" ของร้านค้าประเภทเดียวกันนี้ เช่น เทสโกโลตัส
และคาร์ฟูร์ ในอดีตโลตัสของซีพีที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2537 ก็ได้นำคนจากวอลมาร์ท
เข้ามาเป็นที่ปรึกษาและวางระบบให้ ในครั้งนั้นวอลมาร์ทเกือบจะเข้ามาขยาย
การลงทุนในไทย แต่ก็เลือกไปที่จีนแทน เพราะเห็นโอกาสทางการตลาดที่ใหญ่กว่า
     ภายหลังกลุ่มเทสโก้เข้ามาเทคโอเวอร์โลตัส และเปลี่ยนชื่อเป็น เทสโก้โลตัส
ต่อมาเมื่อมีการร่วมทุนจากต่างประเทศกับกลุ่มค้าปลีกไทยมากขึ้น จึงส่งผลให้
ร้านค้าปลีกในแบบดิสเคาน์สโตร์หรือไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทย
ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
      แม้ว่าวอลมาร์ทจะไม่มีสาขาในประเทศไทยแต่ในฐานะที่มียอดขายรวมมากที่สุดในโลกจึงถือเป็น "เบอร์ 1"  และถือเป็น "ตำนาน"ของร้านค้าปลีกในแนวดิสเคาน์สโตร์
        ในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายนปี 2004. Wal-Mart เปิดตัวการทดสอบแรกของการแกะรอยเทคโนโลยี RFID. ซึ่งใช้เป็นตัวกระจายศูนย์การใช้งานกับ 7 ห้างร้าน, และ21 ผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมจากผู้ขายแต่ละรายและอยู่ในช่วงทดสอบนำร่อง.
       ในการนำร่องนั้น  “ชิป” ของตัว  RFID ที่มีขนาดเล็ก. ซึ่งหลักการใช้งานนั้นเมื่อชิปเข้าใกล้ เครื่องตัวอ่าน RFID  ตัวเครื่องอ่านจะระบุชิปที่ใช้งานอยู่และเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์อีกทั้งระบุรหัสส่งกลับไปที่มีระบบการควบคุมสินค้าคงคลัง. แล้วแท็กจะถูกนำส่งไปยังศูนย์กระจายใน Sanger, Taxes ระบบ RFID ใช้ในการขนส่งทางเรือ และการขนส่งตรวจสอบผลิตภัณฑ์และใช้ตัวที่ศูนย์จัดเก็บการกระจายสินค้าขนาดเล็กของเครือ. RFID ยังได้ติดตั้งอยู่ในสถานที่อื่นๆเพื่อเป็นเครื่องติดตามตัวสินค้า . การอ่านโดยเฉลี่ยของตัว RFID จะอยู่ช่วง 15 ฟุต.
       Wal-Mart ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าในเดือนมกราคมปี 2005  ต้องมีซัพพลายเออร์ 100 รายที่ใช้ตัวระบบ  RFID. Wal-Mart เชื่อว่าการดำเนินการแผนนำร่องจะเป็นเครื่องมือการปูทางสำหรับสู่เป้าหมายนี้ที่คาดการณ์ไว้.  Linda Dillman, CIO ที่ Walmart, ของบริษัท RFID ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ กล่าวว่า  สิ้นเดือนมกราคม ระบบ RFID จะเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่หลากหลายของซัพพลายเออร์ซึ่งได้ใช้ในการรวบรวมข้อมูลในการจัดส่งของผลิตภัณฑ์ (IDTechEX 2005). ระบบจะป้องกันการปรับปรุงแก้ไขตัวสินค้า, ลดการถูกขโมย และสูญหาย, อีกทั้งยังจะเพิ่มยอดขายและลดค่าใช้จ่ายในสินค้าคงคลังลดต้น และในเดือนมกราคมปี 2007, Wal-Mart คาดการณ์ ว่า จะมีซัพพลายเออร์เพิ่มขึ้นเป็น 630 รายที่จะร่วมใช้ระบบของRFID    ตัวแทนจำหน่าย (suppliers) บางรายของ Wal-Mart ยังลังเลที่จะนำระบบ RFID มาใช้ แต่มันก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ถ้าระบบนำร่องนี้ประสบผลสำเร็จ, RFID จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมนี้ หลังจากสูญเสียเงินไปทุกๆปีทั้งหมดเกือบ $ 70 พันล้าน ในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่รับส่งสูญหายหรือถูกเก็บไว้ไม่ถูกสถานที่.
                นอกจากความต้องติดตั้ง RFID จากซัพพลายเออร์ของบริษัท, Wal-Mart ได้ทำการติดตั้งเทคโนโลยีภายใน. ตามที่ Scherago (2006) กว่า 2,000 ร้านค้ามี RFID ใช้เป็นประตูการตรวจสอบสินค้าสำหรับการนำเข้าคลังสินค้า.
               แต่อย่างไรก็ตามโครงการนำร่องของ Wal-Mart คือการติด tag ให้แก่สินค้าแต่ละชนิดโดยแผนนี้ได้ก่อให้เกิดปัญหาที่ถกเถียงกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้า tags เหล่านี้ไม่ได้ถูกเอาออกจากผลิตภัณฑ์นั้นๆ ผู้บริโภคต่างกังวลว่าพวกเขาจะถูกติดตามหลังจากออกจากร้านแล้ว  
และก้าวต่อไปของ Wal-Mart คือการพัฒนาให้แท็คมีความหลากหลายในด้านการใช้งานไม่ใช่ในเฉพาะตัวสินค้า เช่น การใช้ติดตามตัวเด็ก
Wal-Mart เชื่อว่าระบบนี่สามารถพัฒนาใช้ได้อย่างกว้างขวางและสามารถมีพัฒนาการเปลี่ยนการจัดการบาร์โคดได้อีกต่อไป  ระบบ RFID นี้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขข้อบกพร่องของตัวบริษัทและซัพพลายเออร์ได้เป็นอย่างดี และจะมีการปรับปรุงเวอร์ชั่นใหม่ๆมีการทำ EDI หรือที่เรียกว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็คทรอนิกส์ให้พัฒนามากขึ้นไปอีกเพื่อความหลากหลายในการใช้งานและช่วยลดต้นทุนการผลิตอีกด้วย
http://learners.in.th, http://en.wikipedia.org/
ส่งโดยน.ส. นวลลักษณ์  ศรียาชีพ บ.กจ.3/1

คลื่นลูกที่4

      คลื่นลูกแรก คือ ยุคแห่งเกษตรกรรม ครับ สังเกตได้จากการที่คนสมัยก่อนที่ มีที่เยอะทำเกษตรกรรมค้าขายเกี่ยวกับสินค้าเกษตรกรรม จะร่ำรวยมีเงินมีทอง และ ผู้ที่หลงเหลือจากยุคนั้นก็ยังมีให้เห็นอยู่ประปราย โดยที่ถ้าเราจะทำในยุคนี้นั้นแสนจะลำบากราคาค่าที่ดินเพิ่มขึ้นมาก คู่แข่งก็มากมาย
     คลื่นลูกที่สอง คือ ยุคของอุตสาหรรม ช่วงที่ประเทศเกิดการพัฒนา เปลี่ยนแรงคนแรงสัตว์ให้เป็นแรง เครื่องจักร ก็ทำให้คนเบาแรงลง และก็ทำให้เจ้าของธุรกิจ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเจริญรุ่งเรืองไปตามๆกัน รวมถึงโรงงานผลิตต่างๆนาๆที่ปัจจุบันก็ยังทำรายได้ดีอยู่ แต่ก็อีกเช่นกัน ครั้นเราจะเป็นเจ้าของโรงงานแบบนั้นอีก คงจะยากแล้ว เพราะหมดแล้วซึ่งยุคที่รุ่งเรืองด้านอุตสาหกรรม ต้องมีเงินมากพอเท่านั้นถึงจะอยู่ได้ยาวกว่าและเป็นอุตสาหกรรมที่ เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องใช้นั่นเอง
    คลื่นลูกที่สาม คงไม่ต้องบรรยายมากเพราะมันคือยุคแห่งการสื่อสารไร้พรหมแดนยุคแห่งเทคโนโลยี ยุคที่จะทำให้คนที่มีความรู้ และทันสมัยพอที่จะเรียนรู้ คอมพิวเตอร์ จะเหมือนพยัคฆ์ติดปีกเลยทีเดียว สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ และเป็นพื้นฐานของการทำงานในอีกหลายๆด้าน แทบจะทุกด้านเลยทีเดียว
และคลื่นลูกใหม่ที่ไม่ได้ใหม่กิ๊ก แต่สำหรับเมืองไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าที่ควร ก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามันคือลูกที่ 4 จริงๆ คือ ยุคของธุรกิจเครือข่าย ปัจจุบัน ต่างประเทศมากมายธุรกิจเครือข่ายเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เปิดโอกาสให้คนทุกระดับชั้นเข้ามาศึกษาและสามารถประสบความสำเร็จได้ทั่วถึงกัน ณ จุดนี้เองที่ทำให้ผม มองดูธุรกิจเครือข่าย ในมุมมองใหม่ๆ มุมมองของการกระจายรายได้

    ส่งโดยน.ส.  นวลลักษณ์  ศรียาชีพ บ.กจ 3/1

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3

แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3

       1. นักศึกษาใช้แนวคิดเชิงระบบในการแก้ไขปัญหา เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาด้านการตลาด    ทางด้าน การเงิน ทางด้านทรัพยากรมนุษย์หรือไม่ จงอธิบาย
   ตอบ ใช้ เพราะแนวคิดเชิงระบบในการใช้แก้ปัญหานั้น เป็นแนวคิดที่สามารถนำไปแก้ปัญหาได้ทุกทางของปัญหา และเป็นกระบวนการที่เป็นระบบในการจัดลำดับความคิดมากขึ้น
  2. ทำไมนักศึกษาจึงคิดว่า การจัดทำต้นแบบ( Prototypiag) จึงกลายมาเป็นที่นิยมในการพัฒนาระบบใหม่ทางธุรกิจที่มีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นพื้นฐาน
    ตอบ เป็นการพัฒนาการที่รวดเร็วและเป็นการทดสอบการทำงานของแบบจำลองหรือต้นแบบของระบบงานใหม่ ในการโต้ตอบและกระบวนการทำซ้ำประโยคคำสั่งในโปรแกรม เรียก การรวนรอ  
3. ให้นักศึกษาอธิบายว่า ปัจจุบันมีการนำการจัดทำต้นแบบเข้ามาแทนที่ หรือมาเสริมการพัฒนาระบบสารสนเทศ
ตอบ การสร้างต้นแบบสามารถใช้ได้ทั้งกับระบบงานขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ระบบงานขนาดใหญ่มีความต้องการในการใช้การพัฒนาจากระบบแบบเดิม ต้นแบบของระบบงานด้านธุรกิจที่เกิดความต้องการจากผู้ใช้
นั้นจะช่วยให้การพัฒนาดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทำซ้ำหรือปรับแต่งในส่วนของรายละเอียดจนผู้ใช้ให้การยอมรับ การทำต้นแบบขึ้นอยู่กับกระบวนการพัฒนาระบบสำหรับการใช้งานด้านธุรกิจ
  4. ตอบ



หลักเกณฑ์
น้ำหนัก
ทางเลือกที่ 1
คะแนน
ทางเลือกที่ 2
คะแนน
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
20
1,000,000 บาท
12
200,000 บาท
20
ค่าใช้จ่ายในการเดินเนินงาน
30
100,000 บาท
25
300,000 บาท
18
สะดวกต่อการใช้งาน
20
ดี
16
พอใช้
12
ความถูกต้อง
20
ดีเยี่ยม
20
พอใช้
8
ความน่าเชื่อถือ
10
ดีเยี่ยม
10
ดีเยี่ยม
10
รวม
100
83
68


         เลือกทางเลือกที่ 1 เพราะว่าง่ายต่อการใช้งานดี มีความถูกต้องดีเยี่ยม และความถูกต้องดีเยี่ยม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีถึงค่าใช้จ่ายเริ่มต้นจะสูงก็ตามแต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อปีน้อยกว่าทางเลือกที่ 2


  5. มีซอฟต์แวร์ประยุกต์อะไรบ้าง ที่ผู้ใช้สามารถนำมาประยุกต์ใช้พัฒนาธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต และอินทราเน็ต เว็ปไซท์
ตอบ   ในบรรดาซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่มีใช้กันทั่วไป ซอฟต์แวร์สำเร็จ (package) เป็นซอฟต์แวร์ที่มีความนิยมใช้กันสูงมาก ซอฟต์แวร์สำเร็จเป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทพัฒนาขึ้น แล้วนำออกมาจำหน่าย เพื่อให้ผู้ใช้งานซื้อไปใช้ได้โดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์อีก ซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป และเป็นที่นิยมของผู้ใช้มี 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
1) ซอฟต์แวร์ประมวลคำ (word processing software) เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้สำหรับการพิมพ์เอกสาร สามารถแก้ไข เพิ่ม แทรก ลบ และจัดรูปแบบเอกสารได้อย่างดี เอกสารที่พิมพ์ไว้จัดเป็นแฟ้มข้อมูล เรียกมาพิมพ์หรือแก้ไขใหม่ได้ การพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ก็มีรูปแบบตัวอักษรให้เลือกหลายรูปแบบ เอกสารจึงดูเรียบร้อยสวยงาม ปัจจุบันมีการเพิ่มขีดความสามารถของซอฟต์แวร์ประมวลคำอีกมากมาย ซอฟต์แวร์ประมวลคำที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เช่น วินส์เวิร์ด จุฬาจารึก โลตัสเอมิโปร
2) ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน (spread sheet software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการคิดคำนวณ การทำงานของซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ใช้หลักการเสมือนมีโต๊ะทำงานที่มีกระดาษขนาดใหญ่วางไว้ มีเครื่องมือคล้ายปากกา ยางลบ และเครื่องคำนวณเตรียมไว้ให้เสร็จ บนกระดาษมีช่องให้ใส่ตัวเลข ข้อความหรือสูตร สามารถสั่งให้คำนวณตามสูตรหรือเงื่อนไขที่กำหนด ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงานสามารถประยุกต์ใช้งานประมวลผลตัวเลขอื่น ๆ ได้กว้างขวาง ซอฟต์แวร์ตารางทำงานที่นิยมใช้ เช่น เอกเซล โลตัส
3) ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล (data base management software) การใช้คอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งคือการใช้เก็บข้อมูล และจัดการกับข้อมูลที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์ จึงจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์จัดการข้อมูล การรวบรวมข้อมูลหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกันไว้ในคอมพิวเตอร์ เราก็เรียกว่าฐานข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลจึงหมายถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการเก็บ การเรียกค้นมาใช้งาน การทำรายงาน การสรุปผลจากข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลที่นิยมใช้ เช่น เอกเซส ดีเบส พาราด็อก ฟ๊อกเบส
4) ซอฟต์แวร์นำเสนอ (presentation software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับนำเสนอข้อมูล การแสดงผลต้องสามารถดึงดูดความสนใจ ซอฟต์แวร์เหล่านี้จึงเป็นซอฟต์แวร์ที่นอกจากสามารถแสดงข้อความในลักษณะที่จะสื่อความหมายได้ง่ายแล้วจะต้องสร้างแผนภูมิ กราฟ และรูปภาพได้ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์นำเสนอ เช่น เพาเวอร์พอยต์ โลตัสฟรีแลนซ์ ฮาร์วาร์ดกราฟิก
5) ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล (data communication software) ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูลนี้หมายถึงซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้ไมโครคอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นในที่ห่างไกล โดยผ่านทางสายโทรศัพท์ ซอฟต์แวร์สื่อสารใช้เชื่อมโยงต่อเข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถใช้บริการอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ สามารถใช้รับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้โอนย้ายแฟ้มข้อมูล ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล อ่านข่าวสาร นอกจากนี้ยังใช้ในการเชื่อมเข้าหามินิคอมพิวเตอร์หรือเมนเฟรม เพื่อเรียกใช้งานจากเครื่องเหล่านั้นได้ ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูลที่นิยมมีมากมายหลายซอฟต์แวร์ เช่น โปรคอม ครอสทอล์ค เทลิ

6.  การนำเอาซอฟต์แวร์ Case Tools มาช่วยสนับสนุนขั้นตอนของวงจรการพัฒนานั้นแต่ก็มีไม่มากนักที่ประสบความสำเร็จในท้องตลาดทั่วไป และในลักษณะเช่นเดียวกันการนำเอา CASE Tools  ไปช่วยนักพัฒนาในส่วนของการจัดต้นแบบ และกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ในระดับบุคล นักศึกษาคิดว่า เป็นเพราะเหตุใด ที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
   ตอบ    เพราะการใช้ I-CASE สามารถใช้ช่วยการพัฒนาระบบทุกส่วนของเคสทูล ช่วยสนับสนุน JAD ซึ่งกลุ่มของนักวิเคราะห์ระบบโปรแกรมเมอร์และผู้ใช้ สามารถใช้งานร่วมกันใยการออกแบบระบบงานใหม่ได้อย่างดี






       ส่งโดย    นางสาว  นวลลักษณ์  ศรียาชีพ
                        บ.กจ 3/1