วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สรุป

                     บทที่ 6 ระบบสารสนเทศสำหรับการปฏิบัติงานทางธุรกิจ
ระบบสารสนเทศแบบหลายหน้าที่
ในฐานะที่เป็นผู้ใช้ คุณจำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจว่าระบบสารสนเทศมีความสำคัญกับการทำธุรกิจ ระบบสารสนเทศในโลกแห่งความเป็นจริงได้รวบรวมการผสมผสานของระบบสารสนเทศในการใช้งานตัวอย่างของระบบสนับสนุนกระบวนการด้านธุรกิจ
ระบบสารสนเทศด้านการตลาด
หน้าที่ทางธุรกิจของการตลาดนั้นเกี่ยวข้องกับ การวางแผน การส่งเสริมการขายและการขายสินค้ารวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และตลาดใหม่ๆ เพื่อให้บริการที่ดีแก่ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าที่มีศักยภาพในอนาคต
การตลาดเชิงโต้ตอบ
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตได้ส่งผลกระทบที่สำคัญต่องานด้านการตลาด คำว่า การตลาดเชิงโต้ตอบ ใช้อธิบายการตลาดที่อยู่บนพื้นฐานของการใช้อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ต เพื่อสร้างวิธีให้เกิดการโต้ตอบ 2 ทางระหว่างบริษัทลูกค้า เป้าหมายคือ การที่ทำให้บริษัทได้รับผลประโยชน์จากการใช้เครือข่ายในการทำให้ลูกค้าเกิดความสนใจและรักษาลุกค้าเหล่านั้นไว้
แรงขายอัตโนมัติ
การเพิ่มจำนวนขึ้นของคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายทำให้เกิดปัจจัยพื้นฐานสำหรับแรงขับเลื่อนการขายอัตโนมัติ ในหลายๆ บริษัท ใช้คอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ก เว็บบราวเซอร์และซอฟแวร์ด้านการจัดการติดต่อการขายเป็นเครื่องมือที่จะติดต่อกับเว็บไซท์การตลาดบนอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์ทราเน็ต และอินทราเน็ตของบริษัท
การจัดการขายและผลิตภัณฑ์ ผู้จัดการด้านการขายจะต้องมีการวางแผน ตรวจตราและส่งเสริมงานด้านการขายของพนักงานขายในหน่วยงานของตน
การโฆษณาและส่งเสริมการขาย ผู้จัดการด้านการตลาดพยายามที่จะขายผลิตภัณฑ์ให้มากที่สุดโดยใช้ค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุดในการโฆษณาและส่งเสริมการขาย
เป้าหมายทางการตลาด
        ประชาคม บริษัทสามารถจำแนกข้อความโฆษณาบนเว็บและวิธีการส่งเสริมการขายเพื่อที่จะเข้าถึงคนในกลุ่มที่เฉพาะเจาะจง
         เนื้อหา การโฆษณาแบบป้ายโฆษณาทางอิเล็กทรอนิกส์หรือแถบป้ายที่สามารถวางไว้บนหน้าเว็บไซท์ต่างๆ ได้
                บริษัท โฆษณาที่ปรากฏบนเว็บไซท์ มักครอบคลุมผลิตภัณฑ์และการบริการ
                ประชากรศาสตร์/จิตวิทยา การตลาดพยายามที่จะพุ่งเป้าไปยังประเภทของกลุ่มของคนที่เฉพาะเจาะจง
           พฤติกรรมออนไลน์ การโฆษณาและส่งเสริมการขายได้พยายามที่จะเจาะสารสนเทศการเข้าใช้เว็บไซท์ของผู้ใช้แต่ละคน
การวิจัยทางการตลาดและการคาดการณ์ ระบบสารสนเทศด้านการวิจัยทางการตลาดทำให้เกิดการตลาดที่ชาญฉลาด ช่วยให้ผู้จัดการคาดการณ์ทางการตลาดได้ดีขึ้นและพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระบบสารสนเทศการผลิต ช่วยสนับสนุนงานในด้านการผลิตและการดำเนินงาน รวมไปถึงงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการวางแผนและการควบคุมขั้นตอนของการผลิตสินค้าและบริการ
คอมพิวเตอร์ช่วยการผลิตแบบบูรณาการ
-         ความง่าย ในการรื้อปรับระบบทำให้กระบวนการผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์ และโครงสร้างของโรงงานเป็นพื้นฐานที่สำคัญของระบบอัตโนมัติและบูรณาการให้มีการใช้งานง่ายขึ้น
-         อัตโนมัติ ทำให้เป็นอัตโนมัติด้วยการสนับสนุนด้วยคอมพิวเตอร์
บูรณาการ การใช้คอมพิวเตอร์ เครือข่างโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ ช่วยในงานด้านการผลิตและกระบวนการสนับสนุนการผลิต
เครือข่ายความร่วมมือด้านการผลิต
กระบวนการผลิตเหมือนกับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยงานวิศวกรรมและการออกแบบ การควบคุมการผลิต ตารางการผลิต และกาบริหารด้านการจัดหาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการความร่วมมือ
การควบคุมการดำเนินงาน
เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อควบคุมการทำงานที่เห็นได้ทางกายภาพ กระบวนการควบคุมการทำงานในเชิงกายภาพ กระบวนการควบคุมการทำงานในเชิงกายภาพในการกลั่นน้ำมัน การผลิตซีเมนต์ การถลุงเหล็กกล้า การผลิตสารเคมี เป็นต้น
การควบคุมเครื่องจักรกล เป็นการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการควบคุมการทำงานของเครื่องจักรกล ที่รู้จักกันดีในนาม Numerical Control โดยแปลงข้อมูลทางเรขาคณิตจากการวาดภาพทางวิศวกรรมและขั้นตอนการทำงานจากการวางแผนการดำเนินงานไปสู้รหัสตัวเลขของชุดคำสั่งซึ่งควบคุมการทำงานของเครื่องจักร
หุ่นยนต์ การพัฒนาที่สำคัญในเรื่องการควบคุมเครื่องจักรและคอมพิวเตอร์ในเพื่อช่วยในอุตสาหกรรมคือการสร้างสรรค์เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงและหุ่นยนต์ คือ ไมโครคอมพิวเตอร์
ระสารสนเทศด้านทรัพยากรมนุษย์ เกี่ยวข้องกับการจัดหา การทดสอบ การประเมินผล การจ่ายเงินค่าตอบแทนและการพัฒนาลูกจ้างขององค์กร เป้าหมายคือการใช้ทรัพยากรบุคคลของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากที่สุด
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตได้กลายมาเป็นส่วนผลักดันที่สำคัญของความเปลี่ยนแปลงในด้านการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และอินทราเน็ต เทคโนโลยีอินทราเน็ตทำให้บริษัทสามารถทำระบบงานพื้นฐานเกือบทั้งหมดของงานด้าน HRM ได้บนอินทราเน็ตขององค์กร เพื่อการเสนอบริการไปสู่พนักงาน ซึ่งสามารถแพร่กระจายสารสนเทศที่เป็นโยชน์ได้รวดเร็วกว่าช่องทางอื่นๆ
จำนวนบุคลากรขององค์กร การทำงานของบุคลากรต้องได้รับการสนับสนุนจากระบบสารสนเทศ ซึ่งจะบันทึกและติดตามทรัพยากรบุคคลในบริษัทเพื่อทำให้เกิดการใช้งานสูงสุด
การพัฒนาและฝึกอบรม ระบบสารสนเทศช่วยให้ผู้จัดการด้านทรัพยากรมนุษย์วางแผนและดูแลการจัดหา การฝึกอบรมและโครงการพัฒนาพนักงาน โดยการวิเคราะห์ความสำเร็จ จากวางแผนในอดีตของโครงการในปัจจุบัน
การวิเคราะห์ค่าตอบแทน ระบบสารสนเทศเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ขอบเขตและการกระจายของค่าตอบแทนของพนักงาน ค่าแรง เงินเดือน รายจ่ายพิเศษ และค่าตอบแทนอื่นๆ
การรายงานต่อรัฐบาล ต้องมีการรายงานไปยังหน่วยงานของรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบหลักในเรื่องการจัดการทรัพยากรมนุษย์
ระบบสารสนเทศด้านบัญชี
เป็นการใช้ระบบสารสนเทศที่เก่าแก่และแพร่หลายมากที่สุด ใช้แนวคิดในการตรวจสอบการลงรายการบัญชีรับและจ่ายสองครั้ง ระบบการจัดการด้านการเงินมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในด้านกฎหมายและการเก็บบันทึกทางประวัติศาสตร์และการจัดทำรายการเงินที่ถูกต้อง
ระบบบัญชีออนไลน์
               กระบวนการสั่งซื้อ ได้รับและประมวลผลการสั่งซื้อของลูกค้าและสร้างข้อมูลสำหรับระบบควบคุมสินค้าคงคลังและรายได้ที่คาดว่าจะได้รับ
              การควบคุมสินค้าคงคลัง ประมวลผลข้อมูลที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสินค้าในคลังและจัดให้มีสารสนเทศเพื่อการขนส่งหรือจัดซื้อใหม่
                บัญชีลูกหนี้ บันทึกจำนวนสินค้าที่ลูกค้าซื้อและจัดทำใบเสนอราคาให้ลูกค้าทำรายการลูกค้าออกมาเป็นรายเดือนและตรวจเครดิต
                บัญชีเจ้าหนี้ บันทกแบบฟอร์มการสั่งซื้อ จำนวนที่ซื้อและการจ่ายเงินให้กับบริษัทผู้จัดหาสินค้าและจัดทำรายงานการจัดการเงินสด
               การจ่ายเงินเดือน บันทึกเงินเดือนและค่าตอบแทนของพนักงานและจัดทำการจ่ายเงินเป็นเซ็กและเอกสารเรื่องเงินเดือนและรายงานอื่นๆ
               บัญชีแยกประเภททั่วไป ทำข้อมูลให้มีประสิทธิภาพจากระบบบัญชีอื่นๆ และผลิตรายการทางการเงินอย่างสม่ำเสมอรวมทั้งรายการทางธุรกิจ
ระบบสารสนเทศด้านการเงิน สนับสนุนผู้จัดการฝ่ายการเงินในการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ หนึ่งการเงินของบริษัท สองการจัดสรรและควบคุมแหล่งการเงินภายในบริษัท
การจัดการเงินสด รวบรวมสารสนเทศจากใบเสร็จรับเงินและการจ่ายเงินเวลาตามจริงหรือเป็นระยะเวลาสม่ำเสมอ ข้อมูลเหล่านั้นทำให้ธุรกิจสามารถนำเข้าหรือขยายเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว
การจัดการการลงทุนออนไลน์ หลายธุรกิจลงทุนเพื่อเพิ่มเงินสดระยะสั้นในตลาดที่มีความเสี่ยงสูง
งบประมาณเงินลงทุน เกี่ยวข้องกับการประเมินความเป็นไปได้ในการทำผลกำไรและผลกระทบจากการจ่ายเงินทุนที่ได้วางแผนไว้
ระบบการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง
การประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง
เป็นระบบสารสนเทศซึ่งประมวลผลข้อมูลที่ได้รับจากการเกิดขึ้นของการทำรายการเปลี่ยนแปลง รายการเปลี่ยนแปลงเป็นเหตุการณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ
วงจรการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง
เก็บและประมวลผลข้อมูลตามที่ได้จากการทำรายการเปลี่ยนแปลง จากนั้นจะทำการปรับปรุงแฟ้มข้อมูลและฐานข้อมูลของหน่วยงานให้เป็นปัจจุบันและจัดทำสารสนเทศในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อการใช้ภายในและภายนอกหน่วยงาน
กระบวนการนำเข้าข้อมูลเข้า
           1.    การนำเข้าข้อมูลแบบดั้งเดิม โดยปกติขึ้นอยู่กับระบบสารสนเทศผู้ใช้หาข้อมูลบนแหล่งที่เป็นเอกสาร มีค่าใช้จ่ายและข้อผิดพลาดสูง ดังนั้น จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่การนำเข้าข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอัตโนมัติ
           2.    การนำเข้าข้อมูลจากแหล่งอัตโนมัติ มีกระบวนการรับข้อมูลเข้าอัตโนมัติ เพื่อลดข้อจำกัดในเรื่องปริมาณงาน บุคลากร และสื่อข้อมูลที่ต้องใช้ในการนำเข้าข้อมูลแบบเดิม
ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบ
การประมวลผลแบบชุด
การประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงได้ถูกบันทึกสะสมเป็นชุด เรียงและประมวลผลอย่างสม่ำเสมอ การปรับปรุงฐานข้อมูลเมื่อข้อมูลชุดนั้นได้รับการประมวลผล เวลาตอบกลับใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันหลังจากชุดข้อมูลได้ถูกส่งเพื่อการประมวลผล
การประมวลผลตามเวลาจริง
การประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงทันทีที่ได้จัดทำขึ้น การปรับปรุงฐานข้อมูลเมื่อการประมวลผลเสร็จ เวลาตอบกลับไม่กี่วินาทีหลังจากรายการเปลี่ยนแปลงแต่ละตัวได้รับมา
กระบวนการป้องกันการล่มของระบบ
เพื่อป้องกันความล้มเหลวในการใช้ระบบงานประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงแบบออนไลน์ เช่น ระบบการจองตั๋วของสายการบิน
การบำรุงรักษาฐานข้อมูล
เป็นงานที่สำคัญของระบบการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง ฐานข้อมูลต้องมีการบำรุงรักษาเพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยอยู่เสมอ ดังนั้นจึงต้องปรับปรุงฐานข้อมูลขององค์กรให้เป็นปัจจุบัน
น.ส.นวลลักษณ์ ศรียาชีพ บ.กจ.3 /1

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ให้นักศึกษาตอบคำถามต่อไปนี้

1. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างไร
เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา วิเคราะห์ ประมวลจัดการและจัดเก็บ เรียกใช้หรือแลกเปลี่ยน และเผยแพร่สารสนเทศ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ว่าจะอยู่ในรูปแบบของรูป เสียง ตัวอักษร หรือภาพเคลื่อนไหว รวมไปถึงการนำสารสนเทศและข้อมูลไปปฏิบัติตามเนื้อหาของสารสนเทศนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของผู้ใช้
ในปัจจุบันจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นสารสนเทศที่จำเป็นในการประกอบธุรกิจในการค้าขาย การผลิตสินค้า และการให้บริการทางสังคม การจัดการทรัพยากรของชาติ การบริหารและการปกครอง จนถึงเรื่องเบาๆ เรื่องไร้สาระบ้าง  เช่น สภากาแฟที่สามารถพบได้ทุกแห่งหนในสังคม เรื่องสาระบันเทิงในยามประกอบการไปจนถึงเรื่องความเป็นความตาย เช่น ข่าวอุทกภัย วาตภัย หรือการทำรัฐประหารและปฏิวัติ เป็นต้น และยังช่วยในการพัฒนาในเรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการจักการให้บริการสังคมพื้นฐาน อาทิเช่น ด้านการศึกษา และการสาธารณสุข ฯลฯ

          2. สารสนเทศสนับสนุนงานขององค์กรอย่างไร บ้าง จงอธิบายพร้อมให้เหตุผลประกอบ      ระบบสนับสนุนเทคโนโลยีสารสนเทศ

       ประกอบด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมเป็นหลัก ความพิเศษของเทคโนโลยีทั้งสองนี้ก็ตรงที่ ต่างเป็นเทคโนโลยีที่เสริมซึ่งกันและกัน กล่าวคือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหากเป็นเทคโนโลยีเดี่ยว

        ระบบสนับสนุนเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบไปด้วย หลักสำคัญในการจัดการสารสนเทศเป็นจำนวนมากซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ในทางรูปแบบแนวคิดของการนำไปใช้นั้นจะมีรูปแบบที่ชัดเจนสามารถใช้วิเคราะห์และจัดการได้จากแนวคิดและแนวทางการจัดการสารสนเทศได้ตาม แนวความคิดที่ตกผลึกของกระบวนการจัดส่วนประกอบอื่นๆที่ช่วยสนับสนุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ

นอกจากแนวคิดระบบใหม่ๆที่ช่วยสนับสนุนสารสนเทศได้แล้ว ยังมีส่วนประกอบอื่นๆที่เกิดขึ้นมาเพื่อสนับสนุนแนวคิดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น Service-oriented architecture (SOA)
คือ การนำแนวคิดด้านสถาปัตยกรรมแอปพลิเคชันที่มีการเรียกใช้บริการที่อยู่บนเน็ตเวิร์คหรืออินเทอร์เน็ต หรือมี การให้บริการแก่แอปพลิเคชันอื่นๆ ในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้กับองค์กร โดยอาศัยหลักการเว็บเซอร์วิสซึ่งเป็นแค่เครื่องมือในการใช้งานภายในองค์กรถือเป็นแนวคิดที่ต้องสร้างเองในองค์กร
SOA แบ่งเป็น 2 คำ Service-Oriented และ Architecture[3]
  • Service-Oriented เป็น Software ที่ไม่ใช่ซอฟต์แวร์ แพ็คเกจ แต่เป็นซอฟต์แวร์ตัวเล็ก ทำงานเฉพาะด้าน ขึ้นอยู่กับว่าจะแบ่งเป็นบริการอะไรบ้าง
  • Architecture คือการออกแบบ โดยจะมององค์กรโดยรวมว่าต้องการบริการอะไรบ้าง ก็จะแบ่งบริการนั้นๆออกเป็นส่วนย่อยๆ
ทั้งนี้ หลายคนมองว่า SOAคือเว็บเซอร์วิสแต่จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะเว็บเซอร์วิสเป็นแค่เครื่องมือในการใช้งาน ดังนั้น SOA จึงไม่ใช่สินค้า หาซื้อไม่ได้ แต่มันคือแนวคิดที่ต้องสร้างเองในองค์กร
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ SOA ประกอบด้วย 4 ส่วนคือ
  • Enterprise Service Bus เป็นโครงข่ายสำคัญในการขับเคลื่อน SOA ทั้งหมด เป็นการเชื่อมต่อระหว่างแอปพลิเคชัน
  • Design-Time Governance เป็น ดาต้าเบส กลางช่วยรวบรวมว่าองค์กรมีบริการอะไรบ้าง และช่วยนำบริการออกไปยังหน่วยงานและควบคุมบริการให้เหมาะสมกับองค์กรด้วย
  • Run-Time management เป็นตัวจัดการ ทำอย่างไรให้บริการทำงานสอดคล้องกับ SOA ที่ตั้งไว้
  • Security Gateway ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง Firewall ที่เป็นเน็ตเวิร์ก แต่เป็น Application Firewall ที่เข้าใจ คำสั่ง XML นอกจากนี้ต้องมี Application Delivery Control ช่วยเร่งความเร็วในการทำงานของ SOA ด้วย
          3. เทคโนโลยีสารสนเทศสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างไรบ้าง          ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์(Strategic Information Systems: SIS)
        ความสำคัญของระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์
         บทบาทที่สำคัญประการหนึ่งของระบบสารสนเทศ คือ บทบาทในด้านกลยุทธ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะสินค้าหรือบริการ กระบวนการทำงาน องค์การ โครงสร้างอุตสาหกรรมและการแข่งขันได้ จึงมีหลายองค์กรที่ได้นำเอาระบบสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือ และสร้างความได้เปรียบในด้านการแข่งขัน
ความหมายของระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ SIS ได้มีผู้ให้ความหมายไว้หลายท่าน เช่น
·       ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ (SIS) คือ ระบบคอมพิวเตอร์ในระดับใดก็ตามขององค์การซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ การดำเนินงาน ผลผลิต การบริการหรือความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ขององค์การ เพื่อที่จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันกับองค์การ (Laudon & Laudon, 1995)
·       ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ (SIS) คือ ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนหรือสร้างตัวแปรและกลยุทธ์ความได้เปรียบในการแข่งขัน SIS อาจจะเป็นระบบสารสนเทศแบบใดก็ได้ TPS, MRS, DSS, ฯลฯ ที่ช่วยทำให้ความได้เปรียบในการแข่งขันเพิ่มขึ้น ลดความเสียเปรียบในการแข่งขัน หรือช่วยในการบรรลุผลด้านกลยุทธ์อื่น ๆ 
·       ความสัมพันธ์ของกลยุทธ์ด้านต่างๆ
กรอบแนวคิดเรื่องระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์
1.กลยุทธ์ของธุรกิจ: เป็นกรอบสำหรับกลยุทธ์ขององค์กรและกลยุทธ์สารสนเทศ, เป็นตัวกำหนดทิศทางของธุรกิจ, เป็นตัวกำหนดแผนเพื่อตอบสนองต่อพลังของตลาด ความต้องการของลูกค้าและความสามารถขององค์กร
2.กลยุทธ์ขององค์การ : เป็นกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบองค์กร ควบคุมการดำเนินงานขององค์กรให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามกลยุทธ์ของธุรกิจได้
3.กลยุทธ์ด้านสารสนเทศ : ใช้ในการสนับสนุนกลยุทธ์ของธุรกิจ และกลยุทธ์ขององค์กร และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
      กลยุทธ์ในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
1.        กลยุทธ์การใช้ต้นทุนต่ำ (Cost Leadership Strategy) เช่น Air Asia ใช้ ระบบการจองตั๋ว ผ่านระบบ Internet ช่วยลดต้นทุนการจ้างพนักงานตัวแทนจำหน่าย
2.        กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง (Differentiation Strategy)
              เช่น โทรศัพท์มือถือ Hutch นำระบบ GIS เข้ามาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการเลือกเส้นทางเดินทาง หรือตรวจสอบที่อยู่ของอีกฝ่าย
3.        กลยุทธ์ในการเน้นกลุ่มเป้าหมาย (Focus Strategy)
       เช่น บริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) เสนอทางเลือกการใช้บัตรให้แก่สมาชิก โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายพฤติกรรมการใช้ของลูกค้า
4)    กลยุทธ์ด้านนวัตกรรม (Innovation Strategy)
              เช่น ร้านหนังสือ online ชื่อ amazon.com ได้นำระบบ E-commerce มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยที่ร้านไม่มีสถานที่ที่ตั้งให้ลูกค้าได้ไปเยี่ยมชมเลือกซื้อหนังสือ แต่สามารถทำกำไรได้หลายร้อยล้านดอลล่าต่อปี
   5.กลยุทธ์ด้านพันธมิตร (Alliance Strategy)
              เช่น บริษัท ชิน คอร์ป ร่วมมือกับ แอร์ เอเชีย ดำเนินธุรกิจสายการบินแบบประหยัด (low cost) และพัฒนาระบบเกี่ยวกับระบบการให้บริการ ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ ร่วมกัน
      ผลกระทบของสารสนเทศต่อการแข่งขัน
1.        สารสนเทศเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอุตสาหกรรม:
เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมหรือรูปแบบการดำเนินงานอุตสาหกรรมได้ เช่น นำระบบคอมพิวเตอร์ เข้ามาแทนระบบ Manual System, หรือการนำสารสนเทศเข้ามาใช้ทำให้ขนาดองค์กรเล็กลง (Downsizing), นำระบบ Network มาใช้บริหารจัดการงานมากขึ้น ทำให้สายบังคับบัญชาการทำงานไม่ชัดเจน เป็นต้น
2.  สารสนเทศทำให้เกิดการได้เปรียบในการแข่งขัน
สารสนเทศช่วยสนับสนุนการดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน, การทำให้เกิดความแตกต่างในสินค้า/บริการ, การสร้างนวัตกรรมใหม่, และการสร้างความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการประสานงานระดับต่าง ๆ ขององค์กร 
   3.สารสนเทศสร้างธุรกิจใหม่
     สารสนเทศทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ ขึ้นในอุตสาหกรรม 3 ทางคือ
        -ทำให้การสร้างธุรกิจใหม่มีความเป็นไปได้ทางด้านเทคนิค
      -เทคโนโลยีทำให้มีความต้องการธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ธุรกิจ Hardware, Software หรือรูปแบบการให้บริการใหม่ ๆ
       - เทคโนโลยีสร้างธุรกิจใหม่จากพื้นฐานธุรกิจเดิม

      4. .ให้นักศึกษาอธิบายหัวข้อต่อไปนี้
  • ระบบสารสนเทศด้านการจัดการโซ่อุปทาน
โซ่อุปทาน หรือ ห่วงโซ่อุปทาน หรือ เครือข่ายลอจิสติกส์ คือ การใช้ระบบของหน่วยงาน คน เทคโนโลยี กิจกรรม ข้อมูลข่าวสาร และทรัพยากร มาประยุกต์เข้าด้วยกัน เพื่อการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือบริการ จากผู้จัดหาไปยังลูกค้า กิจกรรมของห่วงโซ่อุปทานจะแปรสภาพทรัพยากรธรรมชาติ วัตถุดิบ และวัสดุอื่นๆให้กลายเป็นสินค้าสำเร็จ แล้วส่งไปจนถึงลูกค้าคนสุดท้าย (ผู้บริโภค หรือ End Customer) ในเชิงปรัชญาของโซ่อุปทานนั้น วัสดุที่ถูกใช้แล้ว อาจจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ที่จุดไหนของห่วงโซ่อุปทานก็ได้ ถ้าวัสดุนั้นเป็นวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Recyclable Materials) โซ่อุปทานมีความเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่คุณค่า[1]

            โดยทั่วไปแล้ว จุดเริ่มต้นของห่วงโซ่มักจะมาจากทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรทางชีววิทยาหรือนิเวศวิทยา ผ่านกระบวนการแปรรูปโดยมนุษย์ผ่านกระบวนการสกัด และการผลิตที่เกี่ยวข้อง เช่น การก่อโครงร่าง, การประกอบ หรือการรวมเข้าด้วยกัน ก่อนจะถูกส่งไปยังโกดัง หรือคลังวัสดุ โดยทุกครั้งที่มีการเคลื่อนย้าย ปริมาณของสินค้าก็จะลดลงทุกๆครั้ง และไกลกว่าจุดกำเนิดของมัน และท้ายที่สุด ก็ถูกส่งไปถึงมือผู้บริโภค

            การแลกเปลี่ยนแต่ละครั้งในห่วงโซ่อุปทาน มักจะเกิดขึ้นระหว่างบรรษัทต่อบรรษัท ที่ต้องการเพิ่มผลประกอบการ ภายใต้สภาวะที่พวกเขาสนใจ แต่ก็อาจจะมีความรู้น้อยนิด/ไม่มีเลย เกี่ยวกับบริษัทอื่นๆในระบบ ปัจจุบันนี้ ได้เกิดบริษัทจำพวกบริษัทลูก ที่แยกออกมาเป็นเอกเทศจากบริษัทแม่ มีจุดประสงค์ในการสรรหาทรัพยากรมาป้อนให้บริษัทแม่
  • ระบบสารสนเทศด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ CRM (Customer Relationship Management)การบริหารลูกค้าสัมพันธ์
          การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยการใช้เทคโนโลยีและการใช้บุคลากรอย่างมีหลักการจะช่วยให้เกิดการบริการลูกค้าที่ดีขึ้น การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมในการใช้จ่ายและความต้องการของลูกค้า ทำให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือการบริการรวมไปถึงนโยบายในด้านการจัดการ ซึ่งมีเป้าหมายสุดท้ายในการเปลี่ยนจากผู้บริโภคไปสู่การเป็นลูกค้าตลอดไป CRM เข้ากับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังลดความสลับซับซ้อนที่อาจจะยังไม่ทราบได้ว่าจะเริ่มแก้จากตรงจุดไหน หน้าที่งานของระบบ CRM มักจะรวมถึง ระบบการบริหารการขาย ระบบการตลาดแบบอัตโนมัติ ระบบรองรับการบริการลูกค้า และระบบลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center)
          เนื่องจากระบบ CRM เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการดำเนินธุรกิจที่นำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ มาปรับใช้ ดังนั้นการดูแลระบบให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายสารสนเทศ หรือผู้ออกแบบและผู้จัดทำเว็บไซต์ขององค์กร  นอกจากนั้นการเชื่อมระบบ ERP กับ CRM เข้าด้วยกัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก และอาจจะต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในการขายและบางทีอาจจะนำเสนอบริการในรูปแบบอื่นให้กับลูกค้าได้
  • ระบบสารสนเทศด้านการวางแผนทรัพยากรองค์กร
        ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์การ (Enterprise Resource Planning : ERP) เป็นระบบสารสนเทศที่บูรณาการงานหลักต่างๆ ขององค์การ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การผลิต การขาย การบัญชี และการบริหารบุคคล ฯลฯ เข้าด้วยกันโดยเชื่อมโยงกันแบบเรียลไทม์ (Real Time) เพื่อตอบสนองความต้องการข้อมูลหรือสารสนเทศโดยภาพรวมและการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ
  วิวัฒนาการของระบบ ERP
           ประมาณช่วงต้นทศวรรษที่ 1960  วงการอุตสาหกรรมได้นำระบบการวางแผนความต้องการวัสดุ หรือ MRP (Material Requirements Planning) มาช่วยสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการหารายการและจำนวนวัสดุที่ต้องการตามแผนการผลิตที่วางไว้ และนำมาช่วยด้านบริหารการผลิต  ซึ่งระบบ MRP ได้รับการยอมรับว่าสามารช่วยลดระดับวัสดุคงคลังลงได้ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออก และช่วยให้การวางแผนและการสั่งซื้อวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 1980 ระบบการผลิตมีความซับซ้อนมากขึ้นจึงมีการขยายขอบเขตระบบ MRP จากเดิมโดยรวมเอาการวางแผนและการบริหารทรัพยากรการผลิตอื่นๆ เข้ามาในระบบด้วยและเรียกว่าระบบ MRP II (Manufacturing Resource Planning) อย่างไรก็ตามระบบ MRP II  สนับสนุนการดำเนินงานในส่วนของการผลิต ยังไม่สามารถสนับสนุนการทำงานทั้งหมดในองค์การได้ จึงมีการขยายระบบให้ครอบคลุมงานหลักทุกอย่างในองค์การจึงเป็นที่มาของระบบ ERP
         กระบวนการทางธุรกิจที่สนับสนุนโดยระบบ ERP
         กระบวนการทางธุรกิจ (Business Process) ทั้งหมดในองค์การไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตสินค้า กระบวนการฝ่ายการเงินและการบัญชี กระบวนการขายและการตลาด กระบวนการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และอื่น เพื่อให้กระบวนการทำงานต่างๆ นั้นเป็นไปอย่างอัตโนมัติ รวดเร็ว ไม่ซ้ำซ้อน และสามารถลดต้นทุนทั้งระบบได้ ข้อมูลจากกระบวนการหรือส่วนต่างๆ ขององค์การจะถูกจัดเก็บไว้ที่เก็บข้อมูลส่วนกลางซึ่งระบบงานอื่นๆ สามารถใช้งานข้อมูลร่วมกันได้ และยังช่วยให้ผู้บริหารได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่ทันสมัย เพื่อใช้ในการบริหารและกำหนดกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และรวดเร็วทันเหตุการณ์
 
·       ระบบสารสนเทศด้านการจัดการความรู้
          ความหมายการจัดการความรู้ (Knowledge Management)                  การจัดการความรู้เป็นกระบวนการรวบรวม จัดระบบ จัดหมวดหมู่ และเผยแพร่สารสนเทศทั่วทั้งองค์การเพื่อให้ผู้ที่ต้องกรสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ (Alter,1988 อ้างถึงใน Shukla,www.geoities.com/madhukar_shukla/km.pdf)                การจัดการความรู้เป็นการรวบรวมวิธีปฏิบัติขององค์การและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการสร้างการนำไปใช้ และการเผยแพร่ความรู้และบริบทต่างๆทีเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ (World Bank อ้างถึงใน สุวรรณ เหรียญเสาวภาคย์ และคณะ,2548)                 การจัดการความรู้เป็นการนำความรู้ให้กับผู้ที่ต้องกาในเวลาเหมาะสม         ระบบการจัดการความรู้            ระบบการจัดการความรู้ หรือ  เคเอ็มเอส ประกอบด้วย กลุ่มของเทคโนโลยี 3 กลุ่ม ทั้งกลุ่มเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร กลุ่มเทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกันและกลุ่มเทคโนโลยีด้านหน่วยเก็บและค้นคืนข้อมูลโดยมีรายละเอียดดังนี้                กลุ่มเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร คือ สื่อกลางที่ยินยอมให้ผู้ใช้เข้าถึงความรู้และสื่อสารความรู้นั้นกับบุคคลอื่นโดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งผ่านทางอีมล อินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต  ตลอดจนเครื่องมือต่างๆของระบบบนเว็บ แม้กระทั่งเครื่องโทรสาร และโทรศัพท์ ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของการ     สำหรับเทคโนโลยีที่ใช้เป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุนการจัดการความรู้  อาทิเช่น ปัญญาประดิษฐ์ โปรแกรมตัวแทนอัจฉริยะ การค้นพบความรู้ในฐานข้อมูล และภาษาเอกซ์เอ็มแอล  ล้วนเป็นตัวอย่างของเทคโนโลยีชั้นสูงของเคเอ็มเอสและถือเป็นพื้นฐานด้านนวัตกรรมใหม่ของสาขาการจัดการความรู้ในอนาคต ซึ่งมีรายละเอียดของเทคโนโลยีทั้ง 4 ชนิด                  ปัญญาประดิษฐ์  จากนิยามของการจัดการความรู้จะค่อยเกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์เท่าใดนัก แต่ในทางปฏิบัติ เครื่องมือของปัญญาประดิษฐ์มักจะฝังตัวอยู่ในเคเอ็มเอส ไม่ว่าการฝังตัวจะกระทำโดยผู้ขายซอฟแวร์หรือผู้พัฒนาระบบก็ตาม                วิธีปัญญาประดิษฐ์จะชี้ให้เห็นถึงความรู้ความชำนาญภายใต้เครื่องมือที่ใช้ดึงความรู้ออกมาอย่างอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ  โดยอาศัยส่วนต่อประสานซึ่งผ่านการประมวลภาษาธรรมชาติ ตลอดจนการค้นหาความรู้จากฐานความรู้โดยใช้โปรแกรมตัวแทนอัจฉริยะเป็นเครื่องมือ วิธีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักดี คือ ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems) โครงข่ายเส้นประสาท (Neural Networks) ตรรกศาสตร์คลุมเครือ (Fuzzy Logic) และโปรแกรมตัวแทนอัจฉริยะ (Intelligent Agents) ระบบเหล่านี้จะถูกรวมตัวกันอยู่ในเคเอ็มเอส เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่างๆทั้งในส่วนของการเพิ่มสมรรถนะของการค้นหาความรู้ การกราดตรวจอีเมล เอกสารและฐานข้อมูล ตลอดจนโครงร่างความรู้ (Knowledge Profiles) ทั้งในส่วนบุคคลและกลุ่มงาน มีการใช้ความรู้เดิมที่มีอยู่ เพื่อพยากรณ์ถึงผลลัพธ์ในอนาคตมีการกำหนดความสัมพันธ์ของความรู้ด้วยปัญญาประดิษฐ์ มีการชี้ให้เห็นรูปแบบข้อมูลด้วยระบบโครงข่ายเส้นประสาท มีการนำกฎที่ใช้สำหรับระบบผู้เชี่ยวชาญมาช่วยให้ข้อคิดเห็นด้านความรู้ผ่านระบบโครงข่ายเส้นประสาทและระบบผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งมีการใช้เสียงเพื่อสั่งงาน ด้วยการประมวลภาษาธรรมชาติที่ต่อประสานเข้ากับเคเอ็มเอส               
        บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อการจัดการความรู้ในองค์การ            เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญต่อการจัดการความรู้โดยเป็นเครื่องมือที่สนับสนุนการจัดการความรู้ในองค์การให้มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ถูกนำมาใช้กับการจัดการความรู้ เช่น-          ระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ -          ระบบสืบค้นข้อมูลข่าวสาร-          ระบบการเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์-          ระบบประชุมอิเล็กทรอนิกส์-          การเผยแพร่สื่อผ่านระบบเครือข่าย-          การระดมความคิดผ่านระบบเครือข่าย-          ซอฟต์แวร์สนับสนุนการทำงานร่วมกันเป็นทีม-          บล็อก (Blog หรือ Weblog) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนความรู้ หรือประสบการณ์ ผ่านพื้นที่เสมือน (Cyber Space)ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จ            1.  ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหาร ซึ่งผู้บริหารในองค์การควรมีความเข้ใจและตระหนักถึงความสำคัญ รวมทั้วประโยชน์ที่ได้รับจากการจัดการความรู้            2.  มีเป้าหมายของการจัดการความรู้ที่ชัดเจน ซึ่งเป้าหมายนี้จะต้องสอดคล้อกับกลยุทธ์ขององค์การ            3.  มีวัฒนธรรมองค์การที่เอื้อต่อกรแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้ภายในองค์การ            4.  มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการความรู้ เช่น  ค้นหาความรู้ วิเคราะห์ข้อมูล จัดระเบียบและดึงเอาความรู้ไปใช้อย่างเหมาะสม            5.  ได้รับความร่วมมือจากบุคลากรทุกระดับ และบุคลากรต้องตระหนักถึงความสำคัญและเห็นถึงคุณค่าของการจัดการความรู้            6.  มีการวัดผลของการจัดการความรู้ ซึ่งจะช่วยให้องค์การทราบถึงสถานะ และความคืบหน้าของการจัดการความรู้ ทำให้สามารถทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้            7. มีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับหรือเอื้อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้            8.  มีการพัฒนาการจัดการความรู้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ประโยชน์ของการจัดการความรู้การจัดการความรู้ที่ดี ช่วยให้องค์การไดรับประโยชน์ เช่น-          ช่วยเก็บรักษาความรู้ให้ควบคู่กับองค์การตลอดไป-          ช่วยลดระยะเวลาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การให้บริการ หรือการเรียนรู้งานใหม่-          ปรับปรุงประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับทุกส่วนขององค์การ-          เสริมสร้างนวัตกรรมใหม่ทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ-          ส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ แสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งจะส่งผลให้บุคลากรมีคุณภาพเพิ่มขึ้นและสามารถประยุกต์
·         ระบบสารสนเทศด้านอัจริยะทางธุรกิจ
        จากความจำเป็นในการแข่งขันด้านธุรกิจ ส่งผลให้ระบบสารสนเทศต้องมีการปรับตัว และเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนองความต้องการในเชิงธุรกิจ ที่จริงแล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ระบบสารสนเทศเป็นอาวุธสำคัญชิ้นหนึ่ง ที่มีผลโดยตรงต่อธุรกิจเลยทีเดียว บริษัทหลายแห่งยอมลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมากกับระบบเพื่อมุ่งหวังผลการเจริญเติบโตทางธุรกิจ และในเวลาเดียวกันก็มุ่งหวัง การช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ มาชดเชยด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นทั้งระบบจะต้องตอบสนอง และเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้รับมือกับความเปลี่ยนไปได้อย่างทันท่วงที ซึ่งถ้าจะมองไปแล้วระบบเครือข่าย ก็เป็นตัวจักรสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ที่ต้องทำงานประสานกับแอพพลิเคชั่น และผู้ใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ถือเป็นองค์ประกอบที่บริษัทไม่สามารถปล่อย ให้เกิดการหยุดทำงานได้อีกต่อไป ลองสังเกตดูง่ายๆ ในสมัยก่อนถ้าเกิดเหตุการณ์ไฟดับขึ้นมา พนักงานทุกคนก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ เราจึงต้องมีระบบสำรองไฟขึ้นมาใช้ เช่นเดียวกันกับสมัยนี้ ถ้าระบบเครือข่ายเสียขึ้นมาต่อให้เซิร์ฟเวอร์ และแอพพลิเคชั่นของผู้ใช้ไม่มีปัญหาอะไร พนักงานก็แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย
       จากที่กล่าวมานี้เราจึงมีความจำเป็นที่ต้องการระบบเครือข่ายที่สามารถจะปรับเปลี่ยน และยืดหยุ่นมากเพียงพอที่จะรองรับความต้องการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น และนอกจากนี้จะต้องมีระบบปกป้องตัวเองไม่ให้หยุดการทำงานอันเนื่องมาจากอุปกรณ์เสีย วงจรเชื่อมต่อล่ม หรือเลยไปถึงการหยุดให้บริการจากการถูกโจมตีโดยผู้ไม่หวังดีด้วยวิธีการต่าง ๆ จากที่กล่าวมาถึงความสำคัญของระบบเครือข่าย จึงมีแนวความคิดของเครือข่ายแห่งอนาคตที่เรียกว่า ระบบเครือข่ายสารสนเทศอัจฉริยะ” (IIN:Intelligent Information Network) ที่จะรองรับ และตอบสนองการดำเนินของธุรกิจได้อย่างเต็มที่  
     ระบบเครือข่ายอัจฉริยะยังจะต้องมีความสามารถที่จะเรียนรู้ และเข้าใจว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่วิ่งอยู่บนตัวมันคือข้อมูลอะไร มันไม่เพียงแค่รู้ว่ามันเป็นข้อมูลของแอพพลิเคชั่นใดเท่านั้น แต่ยังมองลึกลงไปด้วยว่า เป็นข้อมูลชนิดไหน หรือแอพพลิเคชั่นนั้น ๆ กำลังทำชิ้นงาน หรือทำรายการอะไรอยู่ ถ้าเครือข่ายสามารถเข้าใจการทำงานของแอพพลิเคชั่นได้แล้ว แอพพลิเคชั่นก็จะทำงานได้อย่างเต็มที่ งานบางอย่างที่เดิมเคยถูกประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์จะสามารถถูกย้ายมาทำงานบนเครือข่ายได้ ทำให้เซิรฟเวอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ประโยชน์อีกประการหนึ่งก็คือเมื่อเครือข่ายมีความเข้าใจมากขึ้น มันก็สามารถที่จะเลือกให้บริการ และตอบสนองความต้องการของแอพพลิเคชั่นได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเครือข่ายสามารถเข้าใจแอพพลิเคชั่นการสั่งจองสินค้าจากร้านค้าถึงผู้ผลิต เช่นเครือข่ายสามารถแยกแยะรายการคำสั่งซื้อสินค้ามูลค่าสองหมื่นบาท กับรายการคำสั่งซื้อสินค้ามูลค่าสองล้านบาท เครือข่ายก็ควรจะให้ความสำคัญกับรายการหลังมากกว่ารายการแรก และอาจช่วยส่งคำสั่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีความเร็วสูงได้ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ การเข้ารหัสเพื่อป้องกัน และปกป้องข้อมูลซึ่งสามารถทำได้ทั้งบนครือข่าย หรือบนเซิร์ฟเวอร์ ถ้าทำบนเซิร์ฟเวอร์ก็คงต้องการเซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อรองรับแอพพลิเคชั่นจริง ๆ ก็ได้ แต่ถ้าเราโยกการเข้ารหัสมาทำบนครือข่าย เซิร์ฟเวอร์ก็จะใช้ประสิทธิภาพทั้งหมดมารองรับการทำงานของแอพพลิเคชั่นได้อย่างเต็มที่ ยิ่งในระบบที่มีเซิร์ฟเวอร์มาก ๆ ด้วยแล้ว ยิ่งจะเห็นประโยชน์ชัดเจนมากขึ้น หรืออีกประการหนึ่งคือการป้องกันไวรัส และเวิร์ม ถ้าเราป้องกันโดยใช้ซอร์ฟแวร์ที่วิ่งอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ เราก็จะต้องติดตั้งซอร์ฟแวร์ลงบนเครื่องทุกเครื่อง อีกทั้งเรายังปล่อยให้เกิดการระบาดเข้ามาจนถึงตัวเครื่องอีกด้วย ถ้าเป็นการโจมตีบุกรุกก็คงเห็นผลเต็มที่ได้เลยว่า เราสามารถปกป้องเครื่องของเราได้ แต่ครือข่ายอาจจถูกโจมตีไปแล้วจนใช้งานไม่ได้ แต่ถ้าเราติดตั้งระบบป้องกันที่ระดับเครือข่ายเลย มันก็จะปกป้องกันตั้งแต่ทางเข้าเลยทีเดียว จะสังเกตได้ว่าฟังก์ชั่นหลาย ๆ อย่าง ถ้าโยกลงมาทำในระบบเครือข่ายแล้วละก็จะได้ประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ที่เต็มที่กว่าเดิม  
 ที่มา:
.http://th.wikipedia.org/
report-easy.blogspot.com/2009/07/blog-post_555.htmlsites.google.com/site/it524249117
benefits/ngan-klum-supply-chainarmka2518.exteen.com/20090223/entry
นส.นวลลักษณ์ ศรียาชีพ บ.กจ3/1